หุ้มสติ๊กเกอร์เปลี่ยนสีรถ

หุ้มสติ๊กเกอร์เปลี่ยนสีรถต้องแจ้งขนส่งไหม

กฎหมายการติดสติ๊กเกอร์รถในประเทศไทย

หุ้มสติ๊กเกอร์ติดรถในยุคที่การตลาดต้องเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุด “รถโฆษณา” หรือการใช้สติ๊กเกอร์ติดรถเพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์ กลายเป็นกลยุทธ์ที่นิยมอย่างมาก เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกวัน แต่การนำรถมาทำโฆษณา ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์หรือการผลิตเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจ “ข้อกฎหมาย” อย่างถูกต้องด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง

กฎหมายหลักที่ควรรู้

ประเทศไทยมีการควบคุมการโฆษณาบนรถยนต์ผ่านหลายหน่วยงาน ได้แก่
กรมการขนส่งทางบก ,สำนักงานเขต ,สำนักงานโฆษณาในพื้นที่
โดยมีหัวใจสำคัญ 3 เรื่องที่ต้องเข้าใจ

1.พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522

พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 13 กำหนดให้เจ้าของรถต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญ เช่น สีรถ, เลขเครื่องยนต์, และเลขตัวถัง ภายในระยะเวลาที่กำหนด

มาตรา 60 กำหนดบทลงโทษสำหรับการไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถยนต์ในทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอาจถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท    

กรณีที่ “ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสี”

ตัวรถที่ติดสติกเกอร์ โลโก้ รูป ตัวอักษร แถบลายเส้น เพียงเล็กน้อย
โดยไม่ทำให้สีหลักเดิมของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถในเล่มทะเบียน

ตัวอย่างงานที่ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสี

กรณีที่ “ต้องแจ้งเปลี่ยนสี”

เปลี่ยนสีตัวรถยนต์มากกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมด

เปลี่ยนสีทั้งคัน โดยวิธีใดก็ตาม เช่น การพ่นสีใหม่, การติดฟิล์ม, การแรป (wrap), หรือการติดสติกเกอร์โฆษณาที่ทำให้สีรถเปลี่ยนไปจากเดิม

ตัวอย่างงานที่แจ้งเปลี่ยนสี

ถ้าไม่แจ้งการเปลี่ยนสีรถยนต์กับ กรมการขนส่งทางบก ภายใน 7 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงสี
หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 13 และมาตรา 60 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

  • อาจมีปัญหาหากโดนเรียกตรวจ, ต่อทะเบียน, หรือใช้ในธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ขายรถหรือโอนกรรมสิทธิ์

การแจ้งเปลี่ยนสีต้องเตรียมอะไร?

  1. รถคันจริง
  2. สมุดคู่มือจดทะเบียน (เล่มทะเบียนรถ)
  3. สำเนาบัตรประชาชน
  4. ใบเสร็จการติดตั้ง / หลักฐานรูปถ่าย (ถ้ามี)
  5. ยื่นที่สำนักงานขนส่ง (ที่ใดก็ได้ในประเทศ)

2. พ.ร.บ.ควบคุมอาคารและป้ายโฆษณา

ตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคารและป้ายโฆษณา พ.ศ. 2558 (หรือที่มักจะเรียกกันว่า พ.ร.บ.ควบคุมป้ายโฆษณา) หากมีการใช้รถที่ติดป้ายโฆษณาแล้วจอดในที่สาธารณะ หรือจอดนิ่งในพื้นที่ที่มีการจัดแสดงอย่างเป็นทางการ อาจจะเข้าข่ายต้องขออนุญาตการติดตั้งป้ายโฆษณาในพื้นที่นั้น ๆ ดังนี้:

1) กรณีรถวิ่งบนถนน:
หากรถติดโฆษณาแล้ววิ่งบนถนน ไม่ต้องขออนุญาต เนื่องจากถือว่าเป็นการโฆษณาในลักษณะของการเคลื่อนที่ ซึ่งกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งป้ายโฆษณาถาวร

2) กรณีรถจอดนิ่งในที่สาธารณะหรือใช้เป็นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ถาวร:
หากรถจอดนิ่งในที่สาธารณะเป็นเวลานาน หรือมีการใช้รถเป็น “ป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ถาวร” กฎหมายอาจพิจารณาว่าเป็นป้ายโฆษณา ซึ่งจะต้องขออนุญาตตามกฎระเบียบของพื้นที่นั้น ๆ

ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือกรมการขนส่งทางบกอาจพิจารณาว่าเป็นการโฆษณาในที่สาธารณะ ซึ่งต้องขออนุญาตติดตั้งป้ายตามที่กฎหมายกำหนด

ขั้นตอนการขออนุญาต:

ยื่นคำขออนุญาต: เจ้าของรถหรือผู้ประกอบการต้องยื่นคำขออนุญาตติดตั้งป้ายโฆษณากับหน่วยงานที่มีอำนาจ เช่น สำนักงานเขต อบต. เทศบาล หรือกรมการขนส่งทางบก  ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่รถจอด

เอกสารต้องใช้หลักฐานต่างๆ ดังนี้

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน
  3. ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  4. หนังสือรับรองห้างหุ้นส่วน ร้านค้า หรืออาคารพาณิชย์ต่างๆ
  5. ใบขออนุญาตติดตั้งป้าย หรือ
  6. ใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย

กฎหมาย การติดป้ายโฆษณา และต้องทำการยื่นเรื่องเสียภาษีตามกำหนดในทุกๆ ปี

3. กฎหมายท้องถิ่น (เทศบาล/เขต)

กฎหมายท้องถิ่น เช่น กรุงเทพมหานคร อาจมีกฎเฉพาะ เช่น การจำกัดเสียง, ไฟ, หรือการจอดแสดงในพื้นที่สาธารณะ

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการขออนุญาตหรือข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละพื้นที่ การติดต่อกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ข้อควรระวังอื่น ๆ

  1. หลีกเลี่ยงการติดสติ๊กเกอร์ ทับทะเบียนรถหรือกระจกหน้า-หลัง ที่บดบังการมองเห็น
  2. ห้ามใช้สติ๊กเกอร์ที่มีเนื้อหา ลามก อนาจาร หรือเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมฯ
  3. หากจ้างบริษัทภายนอกติดตั้ง ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเรื่องกฎหมาย จะได้ช่วยแนะนำได้ถูกต้อง

ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ

  1. ออกแบบอย่างมืออาชีพ – ให้ดีไซน์ไม่รบกวนการมองเห็น
  2. ใช้วัสดุที่ถอดออกง่าย – เช่น Sticker Wrap ที่ไม่ทิ้งคราบ
  3. แจ้งเปลี่ยนสีรถกับขนส่งทันที – ถ้ามีผลต่อข้อมูลทะเบียน
  4. เก็บเอกสารทุกครั้งที่ขออนุญาต – เช่น เอกสารแจ้งเปลี่ยนสี หรือใบเสร็จค่าบริการติดตั้ง

สรุป

การใช้รถเพื่อโฆษณานั้นถือเป็น กลยุทธ์ที่คุ้มค่าและสร้างการมองเห็นได้ดี แต่ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายอย่างรอบคอบ เพื่อให้แคมเปญของคุณเดินหน้าแบบไม่มีสะดุด หากคุณยังไม่แน่ใจเรื่องใด… ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและติดตั้งสติ๊กเกอร์โฆษณาที่เข้าใจกฎหมายไทยจะช่วยให้คุณปลอดภัยและปังในทุกด้าน

ข้อมูลอ้างอิง

กรมการขนส่งทางบก:
www.dlt.go.th

ราชกิจจานุเบกษาที่เผยแพร่พระราชบัญญัติและกฎหมาย:
www.ratchakitcha.soc.go.th